Get in Touch

Edit Template

GENTLEWOMAN แบรนด์จากคนตัวเล็ก ที่ฝันไม่เล็ก

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เวลาเดินตามท้องถนนจะต้องเห็นผู้หญิงถือ Dumpling Bag หรือ Tote bag ที่มีชื่อสกรีนเป็นภาษาอังกฤษตัวใหญ่ผ่านตากันใช่ไหม? นึกออกกันไหมว่าเป็นกระเป๋าของแบรนด์อะไร หรือว่ามีกระเป๋าของแบรนด์นี้อยู่แล้ว! วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกความสำเร็จกับแบรนด์แฟชั่น GENTLEWOMAN ที่ใครๆก็ต่างจับจองกัน

Credit: Official Website GENTLEWOMAN

GENTLEWOMAN ก่อตั้งโดย “คุณแพง – รยา วรรณภิญโญ” โดยที่คุณแพงจบบัญชีที่จุฬาฯ และทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง คุณแพงมี Pain Point เรื่อง “เสื้อผ้า” อยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก จึงมักหาเสื้อผ้าที่ตรง Size ได้ยาก จึงแก้ปัญหาปัญหาด้วยการสั่งตัดชุดใส่เองซะเลย ซึ่งผลตอบรับก็เป็นที่น่าพอใจมาก มักมีคนเข้ามาถามกันบ่อยว่า “เสื้อผ้าของร้านไหน ของแบรนด์อะไร สวยจัง!”

Credit: MARKETING OOPS!

จุดนี้เองที่จุดประกายให้คุณแพงอยากที่จะริเริ่มทำแบรนด์ธุรกิจเสื้อผ้าขึ้นมา ซึ่งในตอนแรกเริ่มต้นจากธุรกิจ CAMP เป็นร้านมัลติแบรนด์ หุ้นส่วนมีทั้งหมด 3 คน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่คณะ แต่พอทำธุรกิจ Fast Fashion ไปเรื่อยๆ ก็มองเห็นจุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละแบรนด์ รู้ว่าตลาดยังขาดส่วนไหน แล้วค่อยๆ ขยับขยายมาสู่การสร้างแบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิง

ความตั้งใจจริงของ GENTLEWOMAN คือ แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับคนวัยทำงาน ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงเลือกใช้คำที่ต้องการ Empower และ Strong สร้างความมั่นใจในฉบับของตัวเอง จึงนำคำว่า “Gentleman” มาแปลงเป็น “Gentlewoman” ให้อารมณ์เหมือนเรียก สุภาพบุรุษ แต่เล่นคำในภาษาอังกฤษ เป็นสุภาพสตรี นั้นเอง

Credit: ANGA

ในช่วงแรกที่เริ่มต้นแบรนด์ คุณแพงได้เห็นช่องว่างตลาดของอินเตอร์แบรนด์กับรสนิยมของคนไทยยังไม่ได้ตรงกันขนาดนั้น ในเรื่องไซส์และซีซั่นที่ยังไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์

ในขณะที่บางช่วง อินเตอร์แบรนด์ในห้างจะมีชุดฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง แต่คนไทยมีฤดูร้อนทั้งปี เป็น Summer ซะมาก Rainy สักหน่อย และ A little bit winter นั้น เลยอยากปรับสินค้าและเสื้อผ้าให้เข้ากับคนไทยมากขึ้น เลือกไซส์ที่เหมาะสมกับรูปร่างคนไทย

Credit: MARKETING OOPS!

ในตอนเริ่มต้นนั้น คอลเลกชั่นแรกเน้นให้เป็นแบรนด์ชุดทำงาน Working woman ที่ใส่ดีเทลความสนุกและสีสันเข้าไป เป็นคนละภาพกับ GENTLEWOMAN ที่มีความเป็นแฟชั่นอย่างในตอนนี้ 

จุดนี้เองที่ คุณแพงได้คิดและหาสิ่งที่ช่วยที่เติมเต็มลุคลูกค้า นอกเหนือจากเสื้อผ้า อย่างเช่น Acessories เลยคุยกับทีมให้มองหาสิ่งที่ใช้ง่ายที่สุดในชีวิตประจำวันอย่าง กระเป๋า tote คุณแพงจึงได้ลองดีไซน์และออกแบบลายที่เน้นโลโก้ GENTELWOMAN ในขั้นตอนนี้ผ่านกระบวนการคิดเยอะมาก เพราะต้องการที่จะสื่อสารและเปิดการรับรู้ให้กับคนทั่วไปให้มากขึ้น แต่ต้องมีสไตล์และเมื่อใช้งานต้องเหมาะสมกับลูกค้าที่มีความหลากหลาย จนได้กระเป๋าที่มีเอกลักษณ์และเป็น Iconi cของแบรนด์อย่างกระเป๋า GW Canvas Tote

Credit: ANGA

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของแบรนด์ คือ ช่วงยุควิกฤตโควิด หลังจากเปิดตัวแบรนด์ไปได้ 1 ปี ทำให้ทุกสาขาปิดหมด ชุดเสื้อผ้า formal ที่อยากจะขาย ก็ไม่สามารถขายได้ เพราะคนอยู่บ้าน Work Form Home เลยปรับมาทำสไตล์ Casual ขึ้น ขายสิ่งที่ใส่อยู่บ้านสบายๆ ปรับตามลูกค้ากับสถานการณ์รอบตัวมาเรื่อยๆ เอาความปรับตัวเร็วขององค์กรมาเปลี่ยนเป็นออกคอลเลกชั่นถี่กว่าเดิม จากปกติที่ออกคอลเลกชั่นตามซีซั่น 1 คอลเลกชั่นราวๆ 3 เดือน เปลี่ยนเป็น 1 เดือนมี 4 คอลเลกชั่น

Credit: Official Instagram GENTLEWOMAN

ทำให้เกิดข้อพิสูจน์ที่ว่า แบรนด์สามารถปรับการตลาดให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างออกไป และในช่วงที่กระแสจากทางโซเซีบลออนไลน์ได้เพิ่มเข้ามา ที่ชาวต่างชาติเองก็เริ่มเห็นสนใจกระเป๋า GENTLEWOMAN จึงทำให้มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติด้วย

พอมีการเปิดประเทศหลังจากนั้น ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในไทย ก็สนใจซื้อกระเป๋า GENTLEWOMAN มากขึ้นด้วยจากเทรนด์กระแสโซเซียล จนกลายเป็นกระแสในสิงคโปร์อยู่พักหนึ่ง ที่ชาวสิงคโปร์ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหน ก็จะเห็นกระเป๋าของแบรนด์ GENTLEWOMAN ตลอดทาง ทั้งในฝั่งของนักท่องเที่ยวชาวจีนก็เช่นกัน ก็มีคนดังชาวจีนหลายคนที่มาเที่ยวไทย แล้วทำคลิปรีวิวกระเป๋า GENTLEWOMAN จนเกิดการแนะนำในหมู่คนจีนต่อๆกันมา

Credit: Official Instagram GENTLEWOMAN

จนมาถึงจุดที่แบรนด์กลายเป็นแบรนด์แฟชั่นไปอย่างเต็มตัว ซึ่งกว่าแบรนด์จะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์ วาง Positioning ดีไซน์ หรือการทำการตลาดที่เยอะมาก รวมถึงกลยุทธ์ธุรกิจที่เฉียบคม ได้แก่

1.มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่โดดเด่น

ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก แม้จะเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยม แต่ความอยู่รอดของแบรนด์อยู่ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ทำให้คนจดจำได้ และติดตาม สำหรับ GENTLEWOMAN ที่มีคอลเลกชันใหม่ๆ แทบจะตลอดก็จะมาพร้อมสไตล์และเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่นนั้นๆ ซึ่งคุณแพงก็มีทีมดีไซน์เนอร์อยู่ แต่ละคนที่จะมีเอกลักษณ์ ลายเส้นในงานของแต่ละคนที่เป็นยูนีคและสร้างความน่าจดจำให้กับแต่ละคอลเลกชั่น

Credit: Digimusketeers

2.ราคาจับต้องได้ เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย

ก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ แบรนด์ต้องรู้ก่อนว่าจะใครที่จะซื้อ กลุ่มเป้าหมายเป็นยังไง ช่วงอายุเท่าไร รายได้เท่าไร ไลฟ์สไตล์เป็นอย่างไร มีนิสัยหรือความชอบแบบไหน จุดนี้เองที่จะกำหนดราคาได้ง่ายขึ้น 

หากลองสังเกตกลุ่มเป้าหมายของ GENTLEWOMAN ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ที่กำลังเรียนหรือเพิ่งเริ่มทำงาน (First Jobber) ทำให้พอจะกำหนดช่วงราคาของสินค้าที่กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงและสนใจในสินค้ามากขึ้น อย่างกระเป๋าในตำนานรุ่น GW CANVAS TOTE BAG มีราคาอยู่ที่ 390 บาท ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนมีช่วงนึงที่เดินไปไหนหรือส่องโซเซียลก็เห็นแต่คนสะพายกระเป๋ารุ่นนี้

3. การนำเสนอที่ยอดเยี่ยม

ด้าน Offline เวลาที่เดินเข้าร้าน GENTLEWOMAN ผู้คนจะต้องประทับใจกับการจัดวางสินค้าในร้านอย่างแน่นอน เพราะการทางร้านจัดเรียงเสื้อผ้าตามโทนสี ที่ง่ายต่อการ Mix & Match อีกทั้งห้องลองเสื้อผ้าของที่นี่ก็ขึ้นชื่อว่าสวยสุดๆ เหมาะกับการถ่ายภาพลงโซเชียลเอามากๆ ทำให้มีลูกค้าไม่น้อยที่อยากจะไปหน้าร้านสักครั้งและถ่ายรูปอัพลงโซเซียล เป็นอีกวิธีที่โปรโมทร้านและขยายตลาดให้มีวงกว้างมากขึ้น 

ด้าน Online ก็ไม่น้อยหน้า หากเข้าไปสังเกตุดูในเว็บไซต์หรือสื่อโซเซียลมีเดียของทางแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ สื่อสารให้เข้าถึงง่าย ดูเป็น Casual wear ที่ นำเอาไป Mix&Match ตามสไตล์ของตัวเองได้ หรือจะ Match ตาม lookbook ที่เห็นที่สร้างสรรค์หลากลุคหลายสไตล์มาให้ ซึ่งในจุดนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแฟชั่นได้ ไซส์ที่หลากหลายและอินเทรนด์ตลอดเวลา อีกทั้งยังมี UI ที่น่าสนใจ ทำได้ง่าย กดใส่ตะกร้า จ่ายเงินไม่ยุ่งยาก 

Credit: Official Website GENTLEWOMAN

สุดท้ายนี้เข้าใจได้เลยว่า ทำไม GENTLEWOMAN ถึงได้ฮิตและครองใจสาวๆทั้งในไทยและต่างประเทศกันได้อยู่หมัด ด้วยสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ ความโดดเด่น และนำแฟชั่น ตอบโจทย์ลูกค้าและคอนเซ็ปต์ง่ายๆ Empowered Femininity ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สาวๆก็ Beauty & Strong ได้ทุกเวลา

เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)

ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์

About Business Hole in One

ณัฐพงศ์ ขนอม (กอล์ฟ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์รวมกว่า 15 ปี จากการบริหารธุรกิจ  แบรนด์ดิ้ง การตลาด งานออกแบบ เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจ วิทยากร Guest Speaker และอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

Most Recent Posts

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

26/59 Orakarn Building Floor 16th, Soi Chidlom, Ploenchit Rd., Lumpini, Patumwan, Bangkok 10330

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

E: businessholeinone@gmail.com

T: 082-644-1665