จากสโลแกนข้างต้นทุกๆคนรู้สึกแปลกใจกันไหม? ว่าอะไรที่สามารถเปลี่ยนเราให้กลายเป็นคนพิเศษได้ วันนี้เราจะเล่าถึงแบรนด์แฟชั่นที่รังสรรค์ความพิเศษให้กับทุกคน ด้วยแนวคิด “เรื่องอะไรที่จะธรรมดา ในเมื่อเราก็พิเศษได้” กับแบรนด์ Maison De Auri

Credit: Instagram Maison De Auri
แบรนด์กระเป๋าแฟชั่นสุดชิคยอดนิยมในหมู่สาวๆ ที่มาแรงทั้งในไทยและเอเชีย ด้วยจุดเด่นและความหลากหลาย งานถักที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังมาในราคาที่จับต้องได้และคุ้มค่ากับคุณภาพ จึงทำให้ Maison De Auri เป็นที่กล่าวถึงกับอย่างมากในเอเชีย
โดยแบรนด์ได้ก่อตั้งโดยคุณ ออรี่ อิทธิโรจนกุล (CEO & Founder) ด้วยไอเดียจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจที่ว่า “อยากได้กระเป๋าที่ใช้งานง่าย เข้ากับทุกชุด และเปลี่ยนได้ทุกวัน” จนต่อยอดมาเป็นกระเป๋าผ้านิต (Knit Bag) ภายใต้แบรนด์ Maison De Auri
อย่างที่เห็น การที่ใช้งานง่าย Mix&Match เข้าได้กับทุกลุค ด้วยแนวคิดว่าคนเรามีเสื้อผ้าหลายตัว เราก็เอามาจับคู่ แต่งเข้าคู่ ผสมออกมาเป็นหลายๆลุค แล้วเราจะมีกระเป๋าที่จับคู่กับการแต่งตัวหลายๆใบบ้างไม่ได้หรือ? จึงเกิดออกมาเป็น Concept สั้นๆง่ายๆ ว่า Everyday Bag นั้นเอง

Credit: Instagram Maison De Auri
กว่าจะเป็นกระเป๋า Maison De Auri ก่อนหน้านี้คุณออรี่ได้ทำงานในวงการ Advertising Agency ด้วยความที่เติบโตมาในสาย Branding Communication ประกอบกับที่บ้านทำธุรกิจอุตสาหกรรมสิ่งทอ คุณออรี่จึงมีความรู้เกี่ยวประเภทของผ้า เส้นไหม หรือวัสดุถักทอต่างๆ
ในจุดนี้เองที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกทำกระเป๋าผ้าถัก หรือ นิด (Knit) เพราะวัสดุหลักที่เป็นผ้ายืด มีคุณสมบัติยืดหยุ่นและทนทาน คืนทรงได้เร็ว และมีน้ำหนักเบา ทำให้กลายเป็นวัสดุที่สร้างสรรค์กระเป๋าที่แข็งแรงและสามารถใช้งานได้นาน บวกกับเส้นใยที่มีสีและลูกลวดลายอยู่ในตัว ทำให้เวลาซักทำความสะอาดก็จะไม่สีตก หรือสีจางไป ทำให้เป็นกระเป๋าที่จะคงทนและสีสวยมีคุณภาพเหมือนกับวันที่ซื้อกระเป๋ามานั้นเอง

Credit: Instagram Maison De Auri
ในด้านของการตลาดธุรกิจนั้น คุณออรี่ มีแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจโดยใช้หลัก “Customer Centric” คือการที่พูดคุยสื่อสารและฟังความต้องการของผู้บริโภคเสมอ ลูกค้าต้องการอะไรและอะไรที่เราสามารถตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้
ด้วยแนวคิดนี้ที่ส่งผลต่อทิศทางของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการดีไซน์ ที่นอกจจากและเลือกวัสดุที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ในด้านลวดลาย ดีเทลกระเป๋า ขนาด หรือฟังก์ชั่น คุณออรี่ ก็รับฟังกลุ่มลูกค้าที่แนะนำหรือรีเควส มาประยุกต์และพัฒนาต่อยอด เป็นสินค้าชิ้นใหม่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น Accessory สายคาด สายสะพาย cross body หรือพวงกุญแจต่างๆ
ซึ่งในการออกแบบทั้งหมดของ Maison De Auri มีมากกว่าครึ่งที่มาจากการออกแบบและรีเควสจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งในการดีไซน์และออกแบบก่อนที่จะเปิดตัวแบรนด์ ทางมีมากกว่า 100 แบบกันเลยทีเดียว

Credit: Official Website Maison De Auri
และที่สำคัญด้านราคา ตามความตั้งใจแรกที่คุณออรี่อยากให้ Maison De Auri เป็น Everyday Bag ที่หยิบเปลี่ยนลวดลายต่างๆ ให้ Match กับการแต่งตัวในแต่ละวันได้ ทำให้แบรนด์ตั้งราคาที่จับต้องได้ คือตั้งแต่ 590-1,980 บาท ซึ่งเป็นราคาที่มองว่าสมเหตุสมผล คุ้มค่าคุ้มราคากับคุณภาพที่ได้ เพราะกระเป๋าต่อให้เป็นทรงเดียวกันแต่ต่างลวดลายก็ให้ฟิลลิ่งและมู้ดที่ต่างกันออกไป ซึ่งจุดนี้ได้สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของตัวตนของผู้สวมใส่นั้นเอง
สำหรับด้านตลาดต่างประเทศ Maison De Auri เริ่มเจาะโซนเอเชียก่อน เพราะ Culture และ Lifestyle ที่ใกล้เคียงกัน โดยเรียกสไตล์นี้ว่า Asian Metropolitan ถึงแม้ว่าจะมีความชอบ ความสนใจ และรูปแบบแฟชั่น สีสันที่ใกล้กัน แต่ก็มีบางส่วนที่แตกต่างกันไปกัน ดังนั้นการออกแบบ การลงรายละเอียด กระทั่งการตั้งชื่อของแต่ละรุ่น จะต้องเป็นชื่อที่สาวๆเอเชียเข้าใจและสื่อสารเข้าใจได้ร่วมกัน

Credit: Instagram Maison De Auri
กว่า 2 ปี Maison De Auri ทำรายได้ไปแล้วกว่า 8 หลัก จำนวนกระเป๋าที่ขายอยู่ในหลักแสนใบ โดยในส่วนของยอดขาย 60% คือการส่งออก 40% คือภายในประเทศ แสดงให้เห็นว่าสาวๆเอเชียให้ความสนใจกับแบรนด์มากขึ้นเรื่อยๆ
และในปี 2024 ทางแบรนด์ ก็คว้ารางวัล “Hall Of Fame in Singapore Awards 2024 (HOFS AWARDS 2024)” ในสาขา “Fashion Hall of Fame” ณ The Ritz-Carlton Millenia ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นความสำเร็จที่สุดยอด ตอกย้ำความสำเร็จให้กับแบรนด์ด้วยรางวัลคุณภาพไปนั้นเอง
สุดท้ายจนถึงวันนี้ทาง Maison De Auri ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในมุมของสินค้าและตัวแบรนด์เอง ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และคงคุณภาพอยู่เสมอ เพื่อให้สาวๆทุกคนสามารถ Mix&Match ลุคในแต่ละวันควบคู่ไปกับกระเป๋าสุดชิค นำเสนอความเป็นตัวเองได้อย่างไม่มีจำกัด จะธรรมดาไปทำไม ในเมื่อเราก็พิเศษได้ในทุกๆวัน กับ Everyday Bag Maison De Auri
References
เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์