หากพูดถึงรองเท้าวิ่งที่ทั้งเบา ใส่สบาย และให้ความรู้สึกเหมือน “วิ่งบนก้อนเมฆ” หลายคนคงต้องนึกถึงแบรนด์ On อย่างแน่นอน! แต่รู้ไหมว่าแบรนด์นี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง? วันนี้เราจะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของ On Running และดูว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงกลายเป็นที่รักของนักวิ่งทั่วโลก!
จุดเริ่มต้นของ On: เมื่ออดีตนักไตรกีฬาต้องการรองเท้าในฝัน
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในปี 2010 ที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อดีตนักไตรกีฬา โอลิวิเยร์ แบร์นฮาร์ด (Olivier Bernhard) และเพื่อนๆ ของเขา เดวิด อัลเลมันน์ (David Allemann) และ แคสปาร์ คอปเปตติ (Caspar Coppetti) มีเป้าหมายร่วมกัน: “จะสร้างรองเท้าวิ่งที่ให้ทั้งความสบายและประสิทธิภาพระดับสูง!”

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
โอลิวิเยร์เริ่มต้นด้วยไอเดียแปลกๆ โดยตัดสายยางสวนมาผูกกับพื้นรองเท้าเพื่อทดลองแรงกระแทกและการดีดตัวกลับ และจากการทดลองนี้เองทำให้เกิดเทคโนโลยีสุดล้ำของ On อย่าง CloudTec® ที่ช่วยให้ทุกย่างก้าวรู้สึกเหมือน “ลอยได้!”
นวัตกรรมเปลี่ยนโลกของการวิ่งจาก On
หัวใจสำคัญของรองเท้า On คือพื้นรองเท้าที่มี “เมฆ” หรือ Cloud Pods ซึ่งสามารถยุบตัวเมื่อเท้าสัมผัสพื้นและคืนตัวเพื่อส่งแรงดีดกลับ ทำให้ทุกก้าวมีทั้งความนุ่มนวลและพลังในการส่งตัวไปข้างหน้า ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนเกมของวงการรองเท้าวิ่งไปเลย

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
นักวิ่งหลายคนที่ได้ลองใส่รองเท้า On ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนกำลัง “ลอยตัว” ในขณะที่ยังคงให้ความมั่นคงและรองรับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือสิ่งที่ทำให้ On แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด
นอกจาก CloudTec® แล้ว On ยังพัฒนา Speedboard® ซึ่งเป็นแผ่นรองระหว่างชั้นพื้นรองเท้า ที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนแรงกดจากการวิ่งให้กลายเป็นแรงส่งตัวไปข้างหน้า ทำหน้าที่ช่วยกระจายแรงและเพิ่มประสิทธิภาพในการถีบตัว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้นักวิ่งสามารถเร่งความเร็วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดการสูญเสียพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งระยะไกลอีกด้วย

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
ดีไซน์และวัสดุที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยฟังก์ชัน
On ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเบา แต่ยังต้องมีความทนทานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองเท้าของ On ใช้โฟม Helion™ ซึ่งเป็นโฟมชนิดพิเศษที่ให้ความสมดุลระหว่างความนุ่มและความเด้ง ช่วยลดแรงกระแทกขณะวิ่ง และยังสามารถทนต่อทุกสภาพอากาศโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาวัสดุที่ยั่งยืน เช่น การใช้ รีไซเคิลโพลีเอสเตอร์ และการลดของเสียจากกระบวนการผลิตเพื่อให้รองเท้าแต่ละคู่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
On ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานสูงสุด รองเท้าทุกคู่ถูกออกแบบให้เข้ากับสรีระของเท้า ลดการบาดเจ็บและเพิ่มความสบายตลอดการใช้งาน วัสดุที่ใช้ผลิตเป็น ผ้าตาข่าย (Engineered Mesh) ที่ระบายอากาศได้ดี น้ำหนักเบา แต่ยังคงความทนทาน โดยเฉพาะรุ่นใหม่ๆ ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
แรงกระเพื่อมแรก: จากรางวัลสู่เวทีโลก
การเปิดตัวปีแรก On ก็สร้างเสียงฮือฮาอย่างมาก เพราะเพียงแค่เดือนเดียวก็สามารถคว้ารางวัล ISPO BrandNew Award จากงาน ISPO Munich ซึ่งเป็นเวทีใหญ่ของวงการกีฬา
จากนั้นในปี 2012 พวกเขาเปิดตัว Cloudracer รองเท้าวิ่งที่ถูกเลือกใช้โดย นิโคลา สปิริก (Nicola Spirig) นักไตรกีฬาทีมชาติสวิส และแบรนด์ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด จนภายในปี 2020 On ขยายตลาดไปกว่า 55 ประเทศ และมีวางขายในร้านค้ากว่า 6,000 แห่งทั่วโลก โดยสหรัฐอเมริกากลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์!
Roger Federer กับการยกระดับแบรนด์ไปอีกขั้น!
หนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ On คือในปี 2019 เมื่อสุดยอดนักเทนนิสระดับตำนาน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (Roger Federer) เข้ามาร่วมเป็นนักลงทุนและมีส่วนร่วมในการออกแบบรองเท้า “The Roger” ซึ่งเป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสานเทคโนโลยีของ On กับสไตล์สุดเนี๊ยบของเฟเดอเรอร์เอง
เรียกได้ว่าเป็นการขยายตลาดจากรองเท้าวิ่งเข้าสู่รองเท้าแฟชั่นแบบเต็มตัว และแน่นอนว่ามันประสบความสำเร็จแบบสุดๆ! นอกจากรองเท้าสำหรับนักกีฬา On ยังได้ออกคอลเลกชันรองเท้าแนวไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
นวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่ง: Cloudboom เพื่อโอลิมปิก 2024
On ไม่ได้หยุดแค่รองเท้าวิ่งทั่วไป แต่พวกเขายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับ Cloudboom รองเท้าวิ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อการแข่งขันโอลิมปิกปี 2024 โดยใช้โครงสร้างที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์เส้นเดียวแบบต่อเนื่อง ทำให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาเพียง 6 ออนซ์ เท่านั้น!
นักวิ่งมาราธอนและนักกีฬาชั้นนำหลายคนเริ่มให้ความสนใจกับรองเท้ารุ่นนี้ เพราะมันไม่ได้มีแค่ดีไซน์ที่ล้ำสมัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิ่งให้กับนักกีฬาอีกด้วย

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ workpointtoday
การเข้าสู่ตลาดหุ้น และการเติบโตแบบสุดพีค
ปี 2021 ถือเป็นอีกก้าวสำคัญ เพราะ On ได้เข้าตลาดหุ้นโดยระดมทุนไปได้ถึง 746 ล้านดอลลาร์ และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 รายได้ของ On เพิ่มขึ้น 29% แตะ 653.8 ล้านดอลลาร์ และคาดการณ์ว่าทั้งปีจะโตขึ้น 30%
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ On ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการตลาด แต่เป็นผลจากคุณภาพและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งนักวิ่งมืออาชีพและผู้ที่ต้องการรองเท้าคุณภาพสูงสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
อนาคตของ On: ไม่ใช่แค่รองเท้าวิ่งอีกต่อไป!
ปัจจุบัน On กำลังขยายตลาดไปยังรองเท้าไลฟ์สไตล์และเสื้อผ้ากีฬา แต่ยังคงไว้ซึ่งดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ดูพรีเมียม ตามแบบฉบับของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยแนวคิด “Minimal but Functional” และยังให้ความสำคัญกับ ความยั่งยืน (Sustainability) โดยมุ่งมั่นพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีแผนที่จะเปิดตัวรองเท้ารุ่นที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมรองเท้ากีฬา

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official On
จากวันแรกที่เริ่มต้นด้วยสายยางสวน วันนี้ On ได้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เปลี่ยนแนวคิดของรองเท้าวิ่งไปตลอดกาล และบอกได้เลยว่า นี่ไม่ใช่แค่จุดสูงสุด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม!
เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์