Collaboration Marketing เปลี่ยนเกมธุรกิจด้วยการจับมือเพื่อสร้างความแตกต่าง หากคุณยังทำธุรกิจอยู่ในกรอบเดิมๆ ที่แค่ยิงแอดโปรโมทสินค้า หรือโฆษณาโปรโมชั่นใหม่ บอกเลยว่าคุณกำลังพลาดเทรนด์ใหญ่!
เพราะการคอลแลป (Collaboration) ระหว่างแบรนด์ตอนนี้ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือ “ตัวจุดประกาย” ที่ทำให้แบรนด์พุ่งไปอีกขั้น ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาสำรวจว่า “การคอลแลปกับแบรนด์อื่น” ช่วยสร้างประโยชน์อะไรบ้าง และทำไมคุณควรให้ความสำคัญกับกลยุทธ์นี้!

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
What is Collaboration Marketing?
Collaboration Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์หรือองค์กร ตั้งแต่ 2 แบรนด์ขึ้นไปจับมือร่วมกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ กิจกรรมการตลาด หรือสร้างแคมเปญเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน และขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือเพื่อดึงความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเดิม
โดยการนำข้อได้เปรียบที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวของแต่ละแบรนด์ มาต่อยอด เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ลงในสินค้ารูปแบบใหม่ที่ทำร่วมกันกับอีกแบรนด์

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
ซึ่งการคอลแลป (Collaboration) ไม่จำเป็นต้องมาจากธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันเพียงอย่างเดียว แต่สามารถจับคู่ได้หลายหลาก เพื่อสร้างความแปลกใหม่และน่าสนใจให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้ธุรกิจหรือแบรนด์มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งมากขึ้น อีกทั้งยังมีข้อดี ดังนี้
- ช่วยเปิดการรับรู้และขยายฐานลูกค้า
เพราะ การร่วมมือกับแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าต่างกัน ช่วยให้แต่ละแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ แชร์กลุ่มลูกค้ากันและกัน ซึ่งง่ายกว่าการเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่เองโดยตรง อีกทั้งยังกระตุ้นความสนใจของฐานลูกค้าเดิมที่มีให้กลับมาสนใจได้ในทีเดียว
- ช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวก
เพราะ การคอลแลปกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหรือมีภาพลักษณ์ดี ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ตัวเองได้ อีกทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือทำให้ลูกค้าเปิดใจให้กับแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
- ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
เพราะ ได้แบ่งปันทรัพยากร เช่น งบประมาณการตลาด ความรู้ หรือเครือข่ายการจัดจำหน่าย ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อีกทั้งยังเป็นการผูกมิตรและสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน เรียกได้ว่า win-win ทั้ง 2 ฝ่าย
- ช่วยสร้างกระแสและเพิ่มโอกาสทางการตลาด
เพราะ การคอลแลปสามารถสร้างกระแสในโลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียที่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจในช่วงเวลาสั้นๆ เกิดเป็นไวรัล มีคนมารีวิวหรือกล่าวถึง ส่งผลให้กระตุ้นยอดขายและสร้างความฮือฮาในตลาด
- ช่วยสร้างความแตกต่างและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
เพราะ การคอลแลปช่วยนำจุดแข็งของแต่ละแบรนด์มาผสมผสานกัน จึงสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใครออกมา เช่น การออกสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่น ด้วยสิ่งนี้ทำให้มูลค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์เพิ่มขึ้น อีกทั้งลูกค้าก็รู้สึกถึงความสดใหม่และแปลกตา ทำให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้น และแบรนด์ก็ได้เรียนรู้และเติบโตจากแนวคิดที่หลากหลาย

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
เพราะเหตุนี้เองการทำ Collaboration Marketing จึงสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่แบรนด์ธุรกิจ ได้อย่างคุ้มค่า แต่ยังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยในการเลือกจับคู่พันธมิตร ที่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้แก่กันและกันได้ ไม่ใช่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว และยังต้องกำหนดเป้าหมายของการตลาดให้ชัดเจน เพื่อวิเคราะห์ วัดผล และสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่มั่นคง
ตัวอย่างแบรนด์ที่จับมือร่วมกัน ช่วยสร้างความสนใจทั้งในโลกออนไลน์และวงการธุรกิจ
- LINE FRIENDS x Starbucks
การจับคู่คาแรกเตอร์ยอดนิยมอย่าง Brown และ Cony กับ Starbucks ผ่านสินค้าพรีเมียม เช่น แก้วน้ำและขวดน้ำลายพิเศษ และธีมไลน์ในแอพพลิเคชั่น ช่วยดึงดูดแฟนคลับ LINE FRIENDS และคนรักกาแฟ พร้อมสร้างการพูดถึงอย่างมากในโซเชียล


Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official Stories.Starbucks
- MAC Cosmetics x Honor of Kings (RoV)
MAC Cosmetics ร่วมมือกับเกม Honor of Kings (หรือ RoV) เปิดตัวชุดลิปสติกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในเกม โดยแต่ละสีลิปสติกสะท้อนถึงเอกลักษณ์และธีมของตัวละคร ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่เกมเมอร์และแฟนเครื่องสำอาง กระตุ้นให้เกิดการแชร์ภาพและรีวิวสินค้าในโซเชียลมีเดีย

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ the standard
- Domino’s Pizza x Stranger Things (Netfilx)
โฆษณาของ Domino’s Pizza ที่โปรโมทแอพพลิเคชั่นการสั่งพิซซ่า โดยแอปพลิเคชัน Mind Ordering ซึ่งพัฒนามาจากเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าและดวงตา จับมือกับ Stranger Things ซีรี่ส์ดังที่กำลังจะฉายซีซั่น 4 นำตัวละครมาร่วมแสดงในหนังโฆษณามาใส่เพื่อให้แฟนๆ ได้เข้าถึงความลึกลับมากขึ้น ได้อย่างกลมกลืนและแปลกใหม่ งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่แฟนหนัง และกระตุ้นให้เกิดการแชร์และทดลองใช้แอปพลิเคชัน ร่วมสนุกและเปิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่นั่นเอง

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ Ad Addict
เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์