Get in Touch

Edit Template

4 ประเทศ ที่หลงรักสินค้าไทย ส่งออกได้ไม่ต้องง้อสหรัฐอเมริกา

ในยุคที่การค้าไร้พรมแดนเติบโตอย่างรวดเร็ว การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศกลายเป็นโอกาสทองที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะแบรนด์ไทยที่มีความโดดเด่นในด้านคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นเอกลักษณ์ที่ผสมผสานวัฒนธรรมและนวัตกรรมได้อย่างลงตัว 

ปัจจุบัน มีหลายประเทศที่แสดงความสนใจในสินค้าแบรนด์ไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องสำอาง สินค้าเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่สินค้าแฟชั่นและงานหัตถกรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงเสน่ห์ของสินค้าไทยที่ดึงดูดใจผู้บริโภคในระดับสากล เป็นโอกาสอันที่ที่ผู้ประกอบการต้องไขว้คว้าไว้ เพื่อต่อยอดธุรกิจไปยังต่างประเทศ

และเนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เราจึงอยากพาไปสำรวจ 4 ประเทศสำคัญ ที่หลงรักสินค้าแบรนด์ไทย ที่ผู้ประกอบการส่งออกได้ โดยไม่ต้องง้อสหรัฐอเมริกา 

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik

1. ประเทศจีน
ประเทศจีนถือเป็นขนาดตลาดใหญ่และกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีประชากรเยอะที่กำลังเติบโตและให้ความสำคัญกับสินค้าคุณภาพสูง ผู้บริโภคชาวจีนมองว่าสินค้าไทย มีความแตกต่างทั้งทางภาพลักษณ์ คุณภาพ และความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีโอกาสจาก E-commerce ที่ทำให้การเข้าถึงผู้บริโภคจีนง่ายและรวดเร็ว และยังมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น ไทยและจีนมีข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านภาษีนำเข้าอีกด้วย

กลุ่มสินค้าไทยที่นิยม :

  • อาหารและผลไม้: ทุเรียนสด ผลไม้อบแห้ง น้ำมะพร้าว ขนมขบเคี้ยว
  • สินค้าความงามและสุขภาพ: เครื่องสำอางสมุนไพรไทย น้ำมันหอมระเหย น้ำมันมะพร้าว
  • สินค้าแฟชั่น: กระเป๋าและเครื่องประดับแฮนด์เมด

 

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค :

  • คนจีนให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน
  • การรีวิวผ่าน Influencer หรือการตลาดผ่าน Social Media เช่น WeChat และ Douyin ช่วยดึงดูดความสนใจได้เพิ่มมากขึ้น

 

ข้อควรรู้ :

  • ควรมีบรรจุภัณฑ์ที่ดูหรูหราและมีคำอธิบายเป็นภาษาจีน
  • ตรวจสอบข้อกำหนดเรื่องการนำเข้าที่ซับซ้อน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องสำอาง

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik

2. ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีและด้านการท่องเที่ยวแล้วนั้น ยังเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ มาตรฐานสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์ไทย โดยที่ญี่ปุ่นมองว่าสินค้าจากไทยมีคุณภาพและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ อาหาร สมุนไพรต่างๆ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อรู้ว่าจะเป็นสินค้าจากไทย อีกทั้งไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้การส่งออกค่อนข้างสะดวกมากกว่าในอดีต

กลุ่มสินค้าที่นิยม :

  • อาหารและวัตถุดิบ : ข้าวหอมมะลิ น้ำปลา เครื่องแกง และขนมหวานไทย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด
  • สินค้าแฟชั่นและงานฝีมือ : ผ้าไหม กระเป๋างานแฮนด์เมด
  • ผลิตภัณฑ์สปาและสมุนไพร : น้ำมันหอมระเหยและสบู่สมุนไพร

 

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค :

  • ชาวญี่ปุ่นชอบสินค้าที่ดูประณีต มีคุณภาพสูง และมีเรื่องราว เช่น งานฝีมือที่มีวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์
  • นิยมสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ข้อควรรู้ :

  • ตลาดญี่ปุ่นมีมาตรฐานสูง ควรศึกษาข้อกำหนดเรื่องคุณภาพและการบรรจุภัณฑ์
    (เช่น การแปลฉลากเป็นภาษาญี่ปุ่น)
  • เข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น “Foodex Japan” หรือ “Interior Lifestyle Tokyo” เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจ

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik

3. ประเทศสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์ เป็นฮับโลจิสติกส์และการค้าระดับโลก การส่งออกไปยังสิงคโปร์ช่วยเพิ่มโอกาสขยายสินค้าไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อีกทั้งมีความสนใจในแบรนด์สินค้าจากไทย อย่างเทรนด์แฟชั่นที่แบรนด์ Gentelwoman ได้ตีตลาดและติดเทรนด์ที่ชาวสิงคโปร์ต่างหลงรัก ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับการใช้สินค้าที่มีมาตรฐานและยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อคุณภาพที่ดี และเป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญของไทย และมีข้อตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ในกลุ่มอาเซียน ซึ่งช่วยลดภาษีและข้อจำกัดในการส่งออกสินค้าไทย

กลุ่มสินค้าที่นิยม :

  • อาหาร : ข้าวหอมมะลิ อาหารพร้อมรับประทาน และขนมไทย
  • สินค้าเพื่อสุขภาพ: ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก สินค้าแปรรูปจากสมุนไพร
  • ของใช้ในบ้าน: ของตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์

 

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค :

  • ชาวสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและความสะดวกสบาย
  • นิยมซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Lazada, Shopee และ RedMart

 

ข้อควรรู้ :

  • สิงคโปร์เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง แต่การแข่งขันก็สูงเช่นกัน
  • ควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เช่น FHA (Food & Hotel Asia) และ Maison&Objet Asia เพื่อสร้างความรู้จัก เปิดการรับรู้

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik

4. ประเทศเวียดนาม
ประเทศเวียดนาม ถือเป็นตลาดใหม่ที่เริ่มสนใจในสินค้าจากไทย จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และชนชั้นกลางที่ขยายตัวรวดเร็ว ทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคเวียดนามมองว่าสินค้าไทยมีคุณภาพสูงและคุ้มค่ากว่าคู่แข่งที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และความใกล้ชิดของไทยและเวียดนามทำให้การส่งออกสะดวก และผู้บริโภคเข้าใจและยอมรับสินค้าไทยง่ายขึ้น

กลุ่มสินค้าที่นิยม :

  • อาหารและผลไม้ : ข้าวหอมมะลิ น้ำปลา น้ำพริก ซอสปรุงรส ผลไม้สดและผลไม้แปรรูป

  • สินค้าเพื่อสุขภาพ : ผลิตภัณฑ์สมุนไพร สินค้าออแกนิค เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหอมระเหย ครีมบำรุงผิว โลชั่นสมุนไพร สบู่สมุนไพร

  • สินค้าแฟชั่นและของตกแต่งบ้าน : กระเป๋าแฮนด์เมด งานฝีมือ และของตกแต่งบ้านสไตล์ไทย

 

แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค :

  • ผู้บริโภคชาวเวียดนามมองว่าสินค้าไทยมีคุณภาพดีและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่นในภูมิภาค

  • กระแสสุขภาพมาแรงในเวียดนาม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ทำให้สินค้าเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารออร์แกนิก หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร มีความต้องการเพิ่มขึ้น

  • ตลาด E-commerce ของเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยแพลตฟอร์มที่นิยมได้แก่ Shopee, Lazada, และ Tiki

 

ข้อควรรู้ :

  • เวียดนามมีสินค้าภายในประเทศและสินค้านำเข้าจากจีนเป็นคู่แข่งหลัก แบรนด์ไทยควรเน้นจุดเด่นด้านคุณภาพและความเป็นเอกลักษณ์

  • ควรจด Trade Mark ทันทีหากต้องการจะขยายตลาดไปในประเทศเวียดนาม

  • เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในเวียดนาม เช่น Vietnam Food expo หรือ Ho Chi Minh Export Fair เพื่อสร้างเครือข่ายและเพิ่มการมองเห็น

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik

ประเทศเหล่านี้มีศักยภาพสูงในการนำเข้าสินค้าไทยเนื่องจากกำลังซื้อสูง ความนิยมในสินค้าไทย และโอกาสจากการเติบโตของตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์จากไทยได้รับความนิยม

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศเหล่านี้จะช่วยลดอุปสรรคด้านภาษีและการส่งออก ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

References

peerpower.co.th

เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)

ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์

About Business Hole in One

ณัฐพงศ์ ขนอม (กอล์ฟ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์รวมกว่า 15 ปี จากการบริหารธุรกิจ  แบรนด์ดิ้ง การตลาด งานออกแบบ เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจ วิทยากร Guest Speaker และอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

Most Recent Posts

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

26/59 Orakarn Building Floor 16th, Soi Chidlom, Ploenchit Rd., Lumpini, Patumwan, Bangkok 10330

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

E: businessholeinone@gmail.com

T: 082-644-1665