ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจฟาดฟันกันอย่างเกรียวกราด แบรนด์ชั้นนำต่างงัดไม้เด็ดของตัวเอง มาต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพสินค้า สรรพคุณ หรือดีไซน์ จนไปถึง Packaging Design ที่ไม่ใช่เพียงแค่เปลือกนอกที่ดูดีและเด่นสะดุดตาเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการรับรู้ในตัวสินค้าอีกด้วย บทความนี้จะพาไปรู้จัก เทคนิคในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่จำเป็นต่อผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจกัน
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคเห็น เปรียบเสมือนหน้าตาของสินค้าเลยก็ว่าได้ ซึ่งความสวยงามอาจจะวัดผลได้ยาก เพราะความสวยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมอง Design นี้ว่าสวย แต่บางคนกลับรู้สึกเฉยๆ และมองแบบอื่นสวยกว่า แต่สิ่งที่วัดได้คือ “ความดึงดูดที่ทำให้คนสนใจแล้วหยิบมาดู” ต่างหากที่สำคัญ

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
แล้วจะทำอย่างไรให้ Packaging ของเราน่าสนใจ?
การออกแบบจึงมีข้อควรรู้ 7 ข้อ ที่เหล่าผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์ควรรู้ไว้ เพื่อให้ได้ Packaging ที่น่าดึงดูด นั้นก็คือ
- เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Understanding the Target Audience) สิ่งแรกที่สำคัญคือ การรู้จักและรู้ความต้องการของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพราะแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการและความชื่นชอบที่ต่างกัน ถ้าออกแบบออกมาแล้วไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้ ดังนั้น ต้องวิเคราะห์และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เลือกไว้
- อายุและเพศ: เด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ จะมีความต้องการและความคาดหวังที่ต่างกัน เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับเด็กควรเน้นความสดใสและใช้งานง่าย ในขณะที่สำหรับผู้สูงอายุควรออกแบบให้เปิดง่ายและตัวหนังสือชัดเจน
- ไลฟ์สไตล์: กลุ่มเป้าหมายที่รักสุขภาพอาจมองหาวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในขณะที่กลุ่มคนเมืองอาจชื่นชอบดีไซน์ที่เรียบง่ายและพกพาสะดวก
- ความคาดหวังด้านราคา: กลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมอาจมองหาสินค้าที่มีความหรูหราและรายละเอียดที่พิถีพิถัน ในขณะที่สินค้าราคาย่อมเยาอาจเน้นความเรียบง่ายและเข้าใจชัดเจน

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้งาน (Practical Functionality) เมื่อรู้จักลูกค้าแล้วก็ต้องรู้จักผลิตภัณฑ์ของตัวเอง บรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องทำหน้าที่ได้ครบถ้วน ทั้งการปกป้องสินค้า การใช้งาน การเก็บรักษา รวมไปถึงฟังก์ชั่นของการใช้งานที่ตอบโจทย์
- การปกป้องสินค้า: บรรจุภัณฑ์ต้องช่วยป้องกันสินค้าเสียหายระหว่างการขนส่ง มีความทนทาน เช่น การกันกระแทกสำหรับสินค้าเปราะบาง หรือการป้องกันความชื้นสำหรับสินค้าอาหาร
- ความสะดวกในการใช้งาน: เช่น ฝาปิดที่ง่ายต่อการเปิด-ปิด หรือสินค้าที่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมปริมาณการใช้สินค้าเช่น ซอส หรือขนาดที่เหมาะสมสำหรับการพกพา หยิบง่าย จับถนัดมือ
- การจัดเก็บ: ควรคำนึงถึงการจัดวางในชั้นวางสินค้าและการเก็บในบ้านของผู้บริโภค เช่น การออกแบบให้สามารถซ้อนทับกันได้ สามารถเก็บในที่ที่มีแสงได้ จะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- สร้างความแตกต่าง (Creating Differentiation) ในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างและจดจำได้ง่ายเป็นสิ่งสำคัญ หากเหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ลูกค้าก็อาจจะเลือกซื้อสินค้าที่คุ้มค่าในมุมมองของเขาได้ การสร้างความแปลกใหม่และประทับใจนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ สามารถสร้างแรงดึงดูดให้ซื้อสินค้า และทำให้เกิดเป็นยอดขายได้
- รูปทรงที่โดดเด่น: ใช้รูปร่างหรือโครงสร้างที่ไม่ซ้ำใคร เช่น ขวดน้ำทรงเกลียว หรือกล่องสินค้าที่เปิดได้สองด้าน
- สีและลวดลายที่สะดุดตา: เลือกใช้สีที่สะท้อนถึงแบรนด์และโดดเด่นบนชั้นวางสินค้า เช่น สีแดงที่แสดงถึงพลังงานหรือสีเขียวที่สื่อถึงธรรมชาติ
- วัสดุที่แปลกใหม่: การใช้วัสดุที่ไม่คาดคิด เช่น กระดาษคราฟท์สำหรับความรู้สึกเป็นมิตรกับธรรมชาติ หรือพลาสติกใสที่เน้นความทันสมัย มินิมอล

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- การสื่อสารข้อมูลที่ชัดเจน (Clear Communication) หากมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม โดดเด่น แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร ก็อาจทำให้ลูกค้าเลิกสนใจและไม่ซื้อสินค้าดังนั้นการออกแบบต้องช่วยให้ลูกค้าเข้าใจสินค้าได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน เพียงแค่มองก็รู้ได้ ว่าคืออะไร
- ชื่อสินค้าและโลโก้: ควรวางในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน เพื่อสร้างการจดจำ
- ข้อมูลสำคัญ: เช่น ส่วนประกอบ, วิธีใช้, วันหมดอายุ ควรมีการจัดวางที่เป็นระเบียบ อ่านง่าย และข้อมูลสำคัญที่ลูกค้าต้องรู้
- การสื่อสารเรื่องราวของแบรนด์: ใช้กราฟิกหรือข้อความที่ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับสินค้าหรือจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- ความสวยงามและอารมณ์ (Aesthetics & Emotional Appeal) ในเรื่องของความสวยงามคือการสื่อสารผ่าน Branding สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาและเชื่อมโยงกับลูกค้า สร้างความน่าสนใจและดึงดูดสายตาให้หยุดมอง แล้วหยิบขึ้นมาดู
- ใช้จิตวิทยาของสี (Color Psychology): เช่น สีฟ้าที่ให้ความรู้สึกสงบ สีเหลืองที่สร้างความสนุกสนาน หรือสีดำที่สื่อถึงความหรูหรา ที่สอดคล้องกับ Branding ภาพลักษณ์ที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร
- ฟอนต์และกราฟิก: เลือกใช้ฟอนต์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ชนิดของสินค้า และ Branding ที่แบรนด์ได้วางไว้ เช่น ฟอนต์ที่ดูทันสมัยสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือฟอนต์ที่อ่านง่ายสำหรับผู้สูงอายุ
- การสร้างความรู้สึก: บรรจุภัณฑ์ควรสามารถกระตุ้นอารมณ์ เพื่อให้เกิดภาพจำและลูกค้ารู้สึกผูกพัน เช่น ความไว้วางใจ ความสุข หรือความประทับใจแรกพบ

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- การเลือกวัสดุ (Material Selection) การเลือกใช้วัสดุในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ต้องเหมาะสมทั้งในแง่ของการใช้งานและภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะเป็นหนึ่งช่องทางที่ผู้บริโภคเห็นว่าแบรนด์วางตัวอยู่ในระดับ High-End, Eco-Friendly, หรือ Standard
- วัสดุที่ปลอดภัย: โดยเฉพาะสำหรับอาหารหรือสินค้าที่ต้องสัมผัสกับร่างกาย
- วัสดุที่ยั่งยืน: เช่น วัสดุรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
- ภาพลักษณ์ของวัสดุ: เช่น วางภาพลักษณ์เป็นสินค้า High-End วัสดุที่เลือกใช้อาจจะต้องสื่อถึงความรู้สึกหรูหรา และปราณีต หรือ วางภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Eco-Friendly) วัสดุที่เลือกในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ก็ควรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ย่อยสลาย หรือรีไซเคิลได้

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
- การปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐาน (Compliance & Regulations) เพราะสินค้าแต่ละประเภท แต่ละแบรนด์ ย่อมมีข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์แตกต่างกันไป การตรวจสอบและใส่ข้อมูลรายละเอียดต้องถูกต้องและน่าชเื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและความไว้วางใจ
- ตรวจสอบข้อกำหนดทางกฎหมาย: เช่น การติดฉลากที่ชัดเจน การใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ
- ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม: เช่น การลดการใช้พลาสติกที่ย่อยสลายยาก

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่า Packaging Design ที่ดี ไม่ใช่แค่การออกแบบให้สวยงาม แต่ต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ตอบโจทย์การใช้งาน ซึ่งผู้ออกแบบหรือผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจ ความเข้าใจ เพราะงานดีไซน์นั้นส่งผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภค เมื่อเกิดความสนใจและดึงดูดก็สามารถที่จะเกิดเป็นยอดขายต่อไปได้ และทำให้ธุรกิจเกิดกำไรตามมานั้นเอง
เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์