Get in Touch

Edit Template

กว่าจะเป็น Onitsuka Tiger จากรองเท้ากีฬา สู่ไอคอนแฟชั่นระดับโลก

Onitsuka Tiger แบรนด์รองเท้ากีฬาสัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ผสานนวัตกรรม คุณภาพ และพลังแห่งกีฬาที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ก่อตั้งขึ้นในปี 1949 โดย คิฮาชิโระ โอนิซึกะ (Kihachiro Onitsuka) ที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น การเดินทางของแบรนด์จากวันแรกจนถึงการเป็นไอคอนแฟชั่นระดับโลกในปัจจุบัน เต็มไปด้วยหมุดหมายสำคัญและปรัชญาที่แข็งแกร่ง

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official Onitsuka

ปรัชญาการก่อตั้งและนวัตกรรมแรกเริ่ม

คิฮาชิโระ โอนิซึกะ เชื่อมั่นว่ากีฬาสามารถเป็นสร้างบันดาลใจและเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปรัชญานี้ถูกถ่ายทอดผ่านวลีละติน “Anima Sana In Corpore Sano” หรือ “จิตใจที่แข็งแกร่งในร่างกายที่แข็งแรง” ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นชื่อย่อของแบรนด์ ASICS

ผลิตภัณฑ์แรกของแบรนด์คือรองเท้าบาสเกตบอลที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผู้เล่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากหนวดปลาหมึก ทำให้เกิดพื้นรองเท้าแบบ Octopus Shoe” ในปี 1951 ที่มีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมด้านรองเท้าของแบรนด์

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ shopcanoeclub

การขยายสู่รองเท้าวิ่งและการยอมรับในระดับสากล

ในปี 1953 Onitsuka Tiger ได้เปิดตัว “Marathon Tabi” ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งแบบแยกนิ้วเท้า คล้ายถุงเท้าทาบิแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เพื่อช่วยลดการเสียดสีและเพิ่มความสบายให้กับนักวิ่งมาราธอน แบรนด์ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติเมื่อ อาเบเบ บิกิลา (Abebe Bikila) นักวิ่งมาราธอนชาวเอธิโอเปีย ผู้เคยคว้าเหรียญทองจากการวิ่งเท้าเปล่าในโอลิมปิก หันมาใช้รองเท้า Onitsuka Tiger ในปี 1957 ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของแบรนด์

ช่วงปี 1960s ถือเป็นยุคของการขยายตลาดสู่ระดับสากล โดย ฟิล ไนต์ (Phil Knight) ผู้ร่วมก่อตั้ง Nike ได้เล็งเห็นศักยภาพของ Onitsuka Tiger และในปี 1963 เขาเริ่มนำเข้าผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ภายใต้บริษัท Blue Ribbon Sports ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดโลกของ Onitsuka Tiger และมีบทบาทสำคัญต่อการก่อตั้ง Nike ในเวลาต่อมา

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ shopcanoeclub

ไอคอนิกและความเกี่ยวข้องกับโอลิมปิก

ในปี 1966 Onitsuka Tiger ได้เปิดตัวรองเท้ารุ่น Mexico 66 ซึ่งมีลวดลาย “Tiger Stripes” อันโดดเด่น เส้นลายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มการรองรับด้านข้างของเท้า และได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Mexico 66 เปิดตัวครั้งแรกในรอบคัดเลือกโอลิมปิกปี 1968 ที่เม็กซิโกซิตี้ และยังคงเป็นหนึ่งในดีไซน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของแบรนด์จนถึงทุกวันนี้

Onitsuka Tiger มีความมุ่งมั่นในการพัฒนารองเท้ากีฬาสำหรับนักกีฬาโอลิมปิก ซึ่งช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ในฐานะรองเท้าที่มีคุณภาพและได้รับความไว้วางใจจากนักกีฬาทั่วโลก

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ asics.com

การเปลี่ยนผ่านสู่ ASICS และการคืนชีพของแบรนด์

ในปี 1977 Onitsuka Tiger ได้ควบรวมกิจการกับ GTO และ Jelenk ก่อตั้งบริษัท ASICS Corporation ขึ้น เพื่อรวมทรัพยากรในการวิจัย พัฒนา และขยายตลาดทั่วโลก แม้ว่าชื่อ Onitsuka Tiger จะถูกลดบทบาทลง แต่ยังคงเป็นไลน์รองเท้าสไตล์ Heritage ที่รักษาดีไซน์คลาสสิกเอาไว้

ในช่วงต้นปี 2000s กระแสแฟชั่นแนวเรโทรและวินเทจเริ่มกลับมาเป็นที่นิยม ทำให้ Onitsuka Tiger ถูกนำกลับมาอีกครั้งในปี 2002 โดยมีการนำรองเท้ารุ่นคลาสสิก เช่น Mexico 66 กลับมาผลิตใหม่ พร้อมการผสมผสานระหว่างดีไซน์ดั้งเดิมกับวัสดุและเทคโนโลยีสมัยใหม่ นอกจากนี้ การร่วมมือกับดีไซเนอร์และการปรากฏตัวในสื่อ เช่น การที่ อูม่า เธอร์แมน (Uma Thurman) สวมรองเท้า Onitsuka Tiger ในภาพยนตร์ Kill Bill ปี 2003 ช่วยให้แบรนด์กลับมาเป็นที่นิยมในแวดวงแฟชั่นอีกครั้ง

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ Japannakama

แนวคิดการออกแบบรองเท้าและดีไซน์ที่โดดเด่น

วัสดุที่ใช้ในรองเท้า Onitsuka Tiger มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเลือกใช้หนังแท้และวัสดุรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เทคโนโลยีรองรับแรงกระแทก เช่น fuzeGEL และพื้นรองเท้าแบบ Ortholite ช่วยเพิ่มความนุ่มและลดแรงกดทับ ทำให้เหมาะทั้งสำหรับการเล่นกีฬาและการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน

Onitsuka Tiger โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ดั้งเดิมกับนวัตกรรมล้ำสมัย หลายรุ่นได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมญี่ปุ่น เช่น รองเท้ารุ่น Nippon Made ที่ผลิตด้วยงานฝีมือแบบดั้งเดิม หรือรุ่น Delegation EX ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงโครงสร้างรองรับเท้าและความสบายสูงสุด

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Official Onitsuka

หรือคอลเลคชั่น DoiTung x Onitsuka Tiger ที่ร่วมจับมือกับผ้าทอไทยสร้างสรรค์รองเท้ารุ่น Mexico 66 จาก ค.ศ. 1966 ด้วยโจทย์ที่ทั้งสองแบรนด์ตั้งคือ ‘ผลิตอย่างไรให้ยั่งยืน’ ใช้ผ้า Better Cotton เป็นผ้าฝ้ายที่ปลูกแล้วใช้น้ำน้อย และเส้นใยรีไชเคิลจากพลาสติก PET เนื้อผ้าที่ทอออกมาก็เหมาะที่จะเอาไปทำรองเท้า วัสดุทั้งสองชนิดก็สอดคล้องกับมิติของ Onitsuka Tiger ที่ตั้งไว้

จนได้เกิดรองเท้า 2 คู่ ถือเป็นรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชันที่วางจำหน่ายเฉพาะในไทยเท่านั้น คือ MEXICO 66™ ซึ่งเป็นรองเท้าที่คลาสสิกที่สุดของแบรนด์ ออกแบบใหม่ด้วยการปักลายเสือสีดำและโลโก้แบรนด์ลงไปแบบเรียบๆ ความพิเศษของสองคู่นี้คือใช้ผ้าทอจากเส้นใยพลาสติก PET รีไซเคิลทั้งหมด

ส่วนอีก 3 คู่ ถูกอวดโฉมทั้งในไทยและเดินทางไปโชว์ในช็อปทั่วโลก คือ MEXICO 66™, MEXICO 66™ PARATY และ SERRANO ที่เหล่าดีไซเนอร์เปลี่ยนลายพาดสีน้ำเงินแดงสุดคลาสสิกให้กลายเป็นลายปักสีเดิม และใช้เส้นด้ายจากผ้าฝ้ายประหยัดน้ำ (Better Cotton)

Credit: รูปภาพจากบทความเว็บไซต์ thecloud

ผ่านมา 75 ปี Onitsuka Tiger ได้ผสมผสานเทคโนโลยีด้านประสิทธิภาพเข้ากับดีไซน์ที่เหนือกาลเวลาได้อย่างลงตัว ในขณะที่ยังคงรักษามรดกของตนไว้ พร้อมก้าวต่อไปสู่อนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และความเป็นเลิศในงานฝีมือแบบญี่ปุ่นให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่อไป

สุดท้ายนี้ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Onitsuka Tiger ได้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม คุณภาพ และพลังของกีฬาที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต จากจุดเริ่มต้นในญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม จนถึงการเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลกที่คงอยู่ในปัจจุบัน

เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)

ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์

About Business Hole in One

ณัฐพงศ์ ขนอม (กอล์ฟ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ ถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์รวมกว่า 15 ปี จากการบริหารธุรกิจ  แบรนด์ดิ้ง การตลาด งานออกแบบ เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจ วิทยากร Guest Speaker และอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

Most Recent Posts

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

26/59 Orakarn Building Floor 16th, Soi Chidlom, Ploenchit Rd., Lumpini, Patumwan, Bangkok 10330

ติดต่องาน

งานวิทยากร งานสอน งานบรรยาย สัมมนา ที่ปรึกษาด้านธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบ

E: businessholeinone@gmail.com

T: 082-644-1665