งานนี้พี่ขอวางบิลนะ “จ่ายใน 60 วัน” หรือ “จ่ายช้าหน่อยก็ได้ แต่ภายในกำหนด” คำเหล่านี้คงเป็นที่คุ้นหูของเหล่าผู้ประกอบการหรือผู้ทำธุรกิจ ซึ่งเรามักเรียกติดปากกันว่า “วางบิล” ถ้าให้เรียกแบบทางการก็คือ Credit Term หรือเงื่อนไขการจ่ายเงินแบบผ่อนปรนที่ ช่วยให้เราไม่ต้องรีบควักกระเป๋าจ่ายเงินทันที!
Business Hole in one จะพาไปรู้จักกับ Credit Term แบบเข้าใจง่าย

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
เครดิตเทอม (Credit Term)
คือ หนึ่งในสินเชื่อทางการค้า เป็นสินเชื่อระยะสั้นที่ทางผู้ขายตกลงให้เครดิตกับผู้ซื้อ โดยเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อในการกำหนดระยะเวลาชำระเงินสำหรับสินค้าและบริการที่ซื้อขายหลังจากที่ได้รับของไปแล้ว โดยไม่ต้องจ่ายทันทีในวันที่ซื้อขาย เครดิตเทอมจึงถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการลูกหนี้การค้า ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจทั้งในด้านช่วยเพิ่มกระแสเงินสด การจัดการเงิน และสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
โดยทั่วไป Credit Term มักกำหนดเป็นจำนวนวันนับจากวันที่ในใบแจ้งหนี้หรือใบส่งของ เช่น 30 วัน 45 วัน 60 วัน หรือ 90 วัน เป็นต้น ระยะเวลาเครดิตเทอมอาจแตกต่างกันไปตามมาตรฐานของแต่ละอุตสาหกรรม ประเภทสินค้า มูลค่าการสั่งซื้อ หรือความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้า การให้เครดิตเทอมที่นานขึ้นถือเป็นการให้สินเชื่อที่มากขึ้น ซึ่งมีทั้งข้อดีในแง่การดึงดูดลูกค้า แต่ก็มีความเสี่ยงในแง่ของหนี้เสียหากลูกค้าผิดนัดชำระ
โดย Credit Term แบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภท
- แบบให้ส่วนลด คือ การให้ส่วนลด เป็นการจูงใจให้ผู้ซื้อชำระเงินเร็วขึ้น เพื่อแลกกับส่วนลดพิเศษ
เช่น “2/10 Net 30” หมายความว่า ถ้าผู้ซื้อจ่ายเงินภายใน 10 วัน จะได้รับส่วนลด 2% แต่ถ้าไม่สามารถจ่ายได้ทันก็มีเวลาชำระเต็มจำนวนได้จนถึง 30 วัน
- แบบไม่มีส่วนลด คือ การจ่ายตามจำนวน ตามเวลาที่ตกลง เช่น “Net 30”, “Net 60”, “Net 90” หมายความว่า ต้องชำระเงินเต็มจำนวนภายในระยะเวลาที่ระบุเท่านั้น ไม่ว่าจะจ่ายช้าหรือเร็วกว่ากำหนดก็ไม่มีส่วนลดหรือค่าปรับใดๆ ทั้งสิ้น
- แบบชำระเป็นงวด คือ การกำหนดแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น “30/60/90” ซึ่งหมายถึง แบ่งจ่ายเป็น 3 งวด งวดละเท่าๆกัน หรือการกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น 50/40/10 คือ ชำระ 50% ในงวดแรก ตามด้วย 40% ในงวดสอง และ 10% ในงวดสุดท้าย

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
ข้อดีของ Credit Term
- ช่วยบริหารกระแสเงินสดของผู้ซื้อ (Cash Flow)
ช่วยให้ผู้ซื้อมีเวลาในการจัดการเงินสดของตัวเอง เช่น นำเงินไปลงทุนในส่วนอื่นก่อน และยังคงความคล่องตัวทางการเงินไว้
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคู่ค้า
การมอบเงื่อนไขเครดิตช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ทำให้เกิดความร่วมมือในระยะยาว
- เพิ่มโอกาสในการขาย
ผู้ขายที่มี Credit Term มักดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า เพราะลูกค้ารู้สึกว่าไม่ต้องจ่ายเงินทันที ทำให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
ข้อเสียของ Credit Term
- ความเสี่ยงในการไม่ได้รับเงิน (Credit Risk)
หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด หรือมีปัญหาทางการเงิน ผู้ขายอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการไม่ชำระเงินตามตกลง
- กระทบต่อกระแสเงินสดของผู้ขาย
การให้เครดิตหมายความว่าผู้ขายต้องรอรับเงิน ทำให้เงินสดในมือหมุนช้าลง ซึ่งอาจกระทบการดำเนินงานในบางช่วง ที่ต้องนำเงินสำรองมาหมุนใช้ก่อน
- ค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ (Collection Cost)
ในกรณีที่ผู้ซื้อชำระเงินไม่ตรงนัด ผู้ขายอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ เช่น การส่งจดหมายทวงถาม หรือใช้บริการบริษัทเร่งรัดหนี้สิน

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
ความสำคัญของ Credit Term ต่อผู้ประกอบการ
ในมุมของผู้ประกอบการ การรักษากระแสเงินสด (Cash flow) เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการทำธุรกิจ เพราะต่อให้ธุรกิจได้กำไรดีแค่ไหน แต่ถ้าขาดสภาพคล่องทางการเงิน จัดการกระแสเงินสดได้ไม่ดีพอ ก็อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุน หรือปิดกิจการได้เลย
ด้วยเหตุนี้เครดิตเทอม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการค้าขายแบบ B2B เพราะช่วยในเรื่องของบริหารสภาพคล่อง ช่วยรักษาลูกค้าเก่าไว้ แต่ก็มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบผลประกอบการของธุรกิจได้ ดังนั้นการใช้ Credit Term จึงมีข้อควรระวังที่เพื่อป้องกันการเกิดผิดนัดชำระหรือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง อย่างเช่น
- ประเมินความน่าเชื่อถือของคู่ค้า การตรวจสอบสถานะทางการเงินและความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อ เช่น ดูเครดิต หรือประวัติการชำระเงินที่ผ่านมา
- กำหนดเงื่อนไขที่เหมาะสม อย่างเช่น ไม่ควรกำหนด Credit Term ที่ยาวเกินไปจนกระทบกระแสเงินสดของตัวเอง และควรระบุเงื่อนไขชัดเจน เช่น วันที่ครบกำหนดและค่าปรับในกรณีจ่ายล่าช้า
- ติดตามการชำระเงินอย่างใกล้ชิด เช่น การแจ้งเตือนผู้ซื้อก่อนถึงกำหนดชำระ และการทวงถามเมื่อเลยกำหนด

Credit: รูปภาพจากเว็บไซต์ Freepik
สุดท้ายนี้ Credit Term เป็นเครื่องมือสำคัญในโลกธุรกิจที่ช่วยสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังและมีการวางแผนอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา ดังนั้นการบริหารจัดการเงิน จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจและเรียนรู้ไว้ให้ได้มากที่สุดนั้นเอง
References
เรียบเรียงโดย: รัชชานนท์ เฉลิมธารานุกูล (Business Hole in One Team)
ติดตามเรื่องราวสนุกๆ ความรู้ ของธุรกิจ แบรนด์ และการออกแบบกับ Business Hole in One มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่านกันทุกสัปดาห์